ปราสาทโอซาก้า หรือ Osaka-jo (Jo แปลว่า ปราสาท) เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเรืองอำนาจและโชคลาภของ ไดเมียวฮิเดโยชิ โทโยโตมิ ในปี 1583 ฮิเดโยชิเริ่มการก่อสร้างปราสาทขึ้นบนพื้นที่ที่เคยเป็นวัดฮงกัน (Hongan-ji) และเมื่อเสร็จสมบูรณ์ ปราสาทแห่งนี้ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทที่ยอดเยี่ยมจนหาที่ใดมาเปรียบไม่ได้ในญี่ปุ่น ฮิเดโยชิใช้ที่นี่เป็นป้อมปราการและได้ชนะสงครามหลายต่อหลายครั้ง สุดท้าย การทำสงครามที่กินเวลาไปเกินกว่า 10 ปี ก็ได้รวมประเทศไว้เป็นหนึ่งเดียว
ปราสาทโอซาก้าได้ถูกทำลายและสร้างขึ้นใหม่หลายครั้ง เนื่องมาจากความขัดแย้ง สงครามและภัยธรรมชาติ ในปี 1660 มีฟ้าผ่าลงมาที่คลังดินปืนและทำให้ปราสาทตกอยู่ภายใต้กองเพลิง และอีกครั้งในปี 1665 ฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างจัง ได้เผาหอคอยใหม่พังลงมาทั้งหมด ปี ค.ศ. 1868 ปราสาทโอซาก้าส่วนมากได้ถูกเผา ท่ามกลางความขัดแย้งของพลเมืองในประเทศในยุคฟื้นฟูสมัยเมจิ จากนั้นในปี 1945 ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เกิดการโจมตีโดยระเบิดที่โอซาก้าทำให้อาคารหลักที่สร้างขึ้นมาใหม่ได้รับความเสียหาย และต่อมาได้ถูกสร้างขึ้นมาจนเสร็จสมบูรณ์ในปี 1997 ซึ่งถูกฟื้นฟูก่อสร้างด้วยคอนกรีต
ปราสาทโอซาก้าตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 1 ตารางกิเมตร และบริเวณโดยรอบปราสาทนั้นคลอบคลุมพื้นที่กว่า 60,000 ตารางเมตร (ประมาณ 15 เอเคอร์) ประกอบด้วยอาคารก่อสร้าง 13 อาคาร ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ
ปัจจุบัน ปราสาทโอซาก้ามีทั้งหมด 8 ชั้น 5 ส่วน ในตัวปราสาทโอซาก้ามีการจัดแสดงในส่วนของภาพเขียน เครื่องแต่งกายในสมัยโทโยโทมิ และยังมีภาพเสือบนกำแพงในตัวปราสาทโอซาก้าที่เคลือบด้วยทองคำมีความสวยงาม และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของญี่ปุ่นอีกด้วย
รอบๆ ตัวปราสาทโอซาก้า มีกำแพงสูงเกือบ 30 เมตร สร้างจากก้อนหินขนาดใหญ่จากเหมืองของเมืองโอซาก้าเองมีป้อมปราการอยู่รอบนอกตามกำแพงคูเมือง และมีประตูปราสาทขนาดใหญ่ที่สวยงาม
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2011 สะพานโกะคุระคุบาชิ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ใช้ข้ามเข้าสู่ตัปราสาทโอซาก้าชั้นในถูกบูรณะใหม่เสร็จสิ้นพอดี สะพานแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปมากมาย
ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2011 สะพานโกะคุระคุบาชิ ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ใช้ข้ามเข้าสู่ตัปราสาทโอซาก้าชั้นในถูกบูรณะใหม่เสร็จสิ้นพอดี สะพานแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปมากมาย
ปราสาทโอซาก้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นเป็นที่หนึ่งในโอซาก้า ที่ชั้นบนสุดของปราสาท สามารถชมวิวเมืองโอซาก้าได้ทั้งเมือง และนักท่องเที่ยวยังสามารถมาเที่ยวที่นี่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะจะมีต้นไม้ที่สลับกันออกดอกโชว์สีสันความงามกันได้ตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม) จะได้ชมดอกท้อออกดอกกันอย่างสะพรั่งสวยงาม ช่วงเดือนเมษายน ดอกซากุระจะเริ่มผลิบานเต็มต้น ทั้งสีชมพูและสีขาว ส่วนฤดูร้อนก็จะได้พบกับดอกอะจิไซ ซึ่งมีสีม่วงอมฟ้าเต็มปราสาทโอซาก้า และฤดูใบไม้ร่วง จะได้พบกับสีแดงและสีส้มของต้นเมเปิ้ล ซึ่งให้ความโรแมนติกเป็นอย่างมาก
ส่วนเทศกาลต่างๆ ที่เมืองโอซาก้าก็มีให้รื่นเริงกันทั้งปีด้วยเช่นกัน ช่วงต้นปีจะมีการแข่งขันซูโม่ ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจมีโอกาสได้พบกับนักซูโม่ตัวจริงได้ ช่วงหน้าร้อนมีเทศกาลเท็นจิน มัตซึริ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของงานเทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเทศกาล เป็นงานเทศกาลเทพเจ้า ซึ่งมีการแสดงทางน้ำและแสงสีที่เป็นสัญลักษณ์ที่สุดของโอซาก้า ในงานมีขบวนแห่ ร้องรำทำเพลง และชมดอกไม้ไฟหลายพันดอก และในช่วงใบไม้ร่วงมีเทศกาลโอซะกะโจ คิคุโนะไซเตง ซึ่งจะมีการประดับดอกเบญมาศที่สวนในปราสาทโอซาก้า นักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมปราสาทโอซาก้าจะได้ซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเต็มที่แน่นอน
ส่วนเทศกาลต่างๆ ที่เมืองโอซาก้าก็มีให้รื่นเริงกันทั้งปีด้วยเช่นกัน ช่วงต้นปีจะมีการแข่งขันซูโม่ ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจมีโอกาสได้พบกับนักซูโม่ตัวจริงได้ ช่วงหน้าร้อนมีเทศกาลเท็นจิน มัตซึริ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของงานเทศกาลฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเทศกาล เป็นงานเทศกาลเทพเจ้า ซึ่งมีการแสดงทางน้ำและแสงสีที่เป็นสัญลักษณ์ที่สุดของโอซาก้า ในงานมีขบวนแห่ ร้องรำทำเพลง และชมดอกไม้ไฟหลายพันดอก และในช่วงใบไม้ร่วงมีเทศกาลโอซะกะโจ คิคุโนะไซเตง ซึ่งจะมีการประดับดอกเบญมาศที่สวนในปราสาทโอซาก้า นักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมปราสาทโอซาก้าจะได้ซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเต็มที่แน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น